วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สปอย The Evil Within DLC: Consequence


          หลังจากที่ คิดแมน รอดพ้นจากการโดนเจ้านายใจร้ายไล่ตบกะบาลแทบหลุด เพราะเธอพึ่งรู้ว่าองค์กรของเธอไม่สนใจว่าโลกจะเป็นอันตรายมากหากปล่อยให้ รูวิค ออกมาจาก STEM ได้ เธอจึงตั้งใจจะจบเรื่องเหล่านี้ด้วยตัวเอง โดยที่ออกมาสู่โลกภายนอกที่กำลังถล่มพังยับเยิน และปืนของเธอที่ได้มาอย่างยากเย็น ก็หลุดมือร่วงลงไปอย่างน่าเสียดาย ไร้ซึ่งอาวุธอีกครั้ง

          คิดแมน เข้าไปยังตึกปรากฏว่าเห็นร่างของ รูวิค บนรูปภาพ คิดแมนรำคาญเลยจุดไฟเผา ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า รูวิค กลัวไฟ ซึ่งระหว่างทางได้ยินเสียงปืน และ คิดแมนก็เห็น เลสลี่ เดินแบบงงๆตามเคย หนีหายไปตามเคย ตามบันทึกเล่าว่า รูวิค โดนไฟเผาทั้งร่าง และใจก็แทบสลายเมื่อเขารู้ว่าพี่สาวของเขาตายไป ความรักระหว่าง รูวิคที่มีให้กับพี่สาวของเขาแทบจะเลยเถิดเกินพี่น้อง


          คิดแมนพบ เลสลี่ อีกครั้งจากนั้น รูวิคก็โผล่มาตามรูปภาพแบบเดิมและกำลังเข้าควบคุมร่างกายของ เลสลี่ ซึ่งคิดแมนต้องตามไปจุดไฟเผาภาพให้สิ้น พอช่วยเลสลี่เสร็จแล้ว พี่แกก็วิ่งหนีหายไปอีกครั้ง


          คิดแมน ได้ยินเสียงร้องของ เลสลี่ จึงตามเสียงไป และพบว่าเลสลี่กำลังถูกสิงอีกครั้ง คราวนี้คิดแมนก็เข้าไปช่วยอีกตามเคย แต่คราวนี้ คิดแมน ถูกมือมารล็อคตัวไว้ เมื่อกลับหลังหันจึงเห็นว่า เลสลี่ จ่อปืนเข้ามาหา คิดแมน ที่ตอนนี้กำลังเกลี้ยกล่อมเลสลี่ เลสลี่ไม่สนใจยิงเข้ามาทันที แต่เขายิงที่ปีศาจ คิดแมนจึงหลุดจากพันธนาการของรูวิค คิดแมนรีบเข้ามาปลอบเลสลี่ที่กำลังตกใจกลัว ยึดปืนมาจากเลสลี่และทั้งคู่ก็เดินทางต่อไปด้วยกัน





          คิดแมน และเลสลี่ออกมาสู่สนามเด็กเล่น ที่ๆเราพบกับ เซบาสเตียนและโจเซฟคู่หู เลสลี่ถามว่า คิดแมนพาเขากลับบ้านได้ไหม คุณจะปกป้องผมใช่ไหม คิดแมนรับปาก ทันใดนั้น คิดแมนก็มองเห็นร่างของ เลสลี่กลายเป็น รูวิค สลับไปมา นั่นหมายความว่า รูวิคเข้าครอบงำเลสลี่ไว้ได้แล้ว คิดแมนขอโทษเลสลี่และบอกว่าทุกอย่างไม่ใช่ความผิดของเลสลี่เลย ขอโทษจริงๆสำหรับทุกอย่าง เธอตั้งใจจะกำจัด 
รูวิค โดยต้องฆ่าเลสลี่ ทั้งๆที่ไม่อยากทำเลยก็ตาม







          ก่อนที่จะเหนี่ยวไกปืน เจ้านายของคิดแมน เข้ามาขัดขวาง คิดแมนกลัวว่ารูวิคจะเป็นภัยต่อมนุษยชาติ โดยไม่รู้ว่า ต่อไปเลสลี่จะกลายเป็นรูวิคหรือไม่ เราควรป้องกันโลกโดยกำจัดเลสลี่ไป เจ้านายบอกว่าคิดแมนไม่เข้าใจว่ารูวิคต้องการใคร และองกรค์ก็ต้องการเลสลี่ ส่วนรูวิคนั้นมันเป็นแค่ซากศพเท่านั้น จากนั้นร่างของเจ้านายแห่ง Mobius ก็กลายเป็นร่างของเซบาสเตียน กำลังจ่อปืนมายังคิดแมน


           คิดแมนไม่สามารถปล่อยเลสลี่ไปได้ จึงยิงไปที่เลสลี่ ระหว่างนั้น โจเซฟ ก็เข้ามาขวางไว้ จึงโดนกระสุนของคิดแมนโดยที่เธอไม่ได้ตั้งใจ และก็มีเสียงหวีดที่ทำให้เซฟ ปวดหัวอีกครั้ง เลสลี่กำลังหนีไปและคิดแมนวิ่งตามเขาอย่างไม่ลดละ เลสลี่ปวดหัวอย่างรุนแรงและแล้วแววตาเขาก็เปลี่ยนไป เลสลี่ถูกรูวิคเข้าควบคุมร่างโดยสมบูรณ์แล้ว และเขาก็เดินจากไปในความมืด





           คิดแมนกลับเข้ามาในโรงพยาบาลบีคอน และพบข้อมูลว่าหลังจากรูวิคตาย เขาได้ก่อกวน STEM และฆ่าชีวิตคนไข้ที่ถูกทดลอง เสมือนเป็นกับดักภายในโปรแกรม จากนั้นสถานที่ก็ถูกเปลี่ยนไปยังห้องเชือดที่เซบาสเตียนเคยมา ตั้งแต่ต้นเรื่องของภาคหลัก คิดแมนก็เห็นว่า เซบ เคยมาอยู่ที่จุดนี้เหมือนกัน



คิดแมน รู้ความจริงที่ว่า STEM ไม่เสถียร ทาง Mobius จึงต้องส่งใครสักคนมาหยุดเรื่องนี้ นั่นก็คือ คิดแมนที่ถูกผูกติดกับ บอสขององค์กร ทำให้เขาสามารถตามคิดแมนมาได้ด้วย ซึ่งเขาคอยจี้ใจดำของคิดแมนเสมอในเรื่องที่คิดแมนกลัว ความกลัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และ STEM ถูกสร้างขึ้นมาจากพื้นฐานของความกลัว หากคิดแมนไม่ยอมสยบต่อความกลัว ก็จงไปตายซะ เพราะคิดแมนจะเป็นตัวอย่างแรกของสิ่งที่ Mobius ต้องการให้เป็น



          คิดแมนพบว่าตัวเองและคนอื่นๆ ถูกเชื่อมต่อกันโดยมีสมองศูนย์กลางที่เดาไม่ยากว่าเป็นสมองของ รูวิค โดยไม่ต้องคิด สาวน้อยคิดแมนก็ยิงที่สมองนั้นทันที เป็นอันจบแบบ งง งง (ถ้าเรายิงสมอง เกมแหย่เราว่าเป็นฉากจบ จริงๆผู้พัฒนาเกมเขาล้อเล่นเฉยๆ) 
          

          กลับเข้ามาที่เนื้อเรื่องอีกครั้ง คิดแมนเห็นเลสลี่แวบๆ จึงวิ่งตามมา เลสลี่วิ่งไปหลบที่หลัง เซบาสเตียน ผู้ซึ่งกำลังเล็งปืนมายังคิดแมน คิดแมนขอร้องให้เซบ ออกไปให้ห่างจากเลสลี่ ซึ่งเซบ ก็บอกว่าเขาไม่เชื่อใจคนที่ฆ่าคู่หูของเขา และคนที่ยิงมาที่เขาหรอก เซบ รู้ว่าคิดแมนไม่ใช่นักสืบมือสมัครเล่น และเด็กเลสลี่ก็ไม่ใช่เด็กผู้ชายธรรมดา คิดแมนบอกว่าหากเซบ รู้ว่าเด็กคนนี้ทำอะไรได้บ้าง เซบควรจะรู้ว่าเลสลี่ไม่ควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไป พร้อมกับบอกว่า เซบาสเตียนเป็นคนดี เพราะอย่างงี้ ฉันถึงได้.....ช่างมันเถอะ มันไม่สำคัญอะไรละหล่ะ (เดาว่าคิดแมนแอบชอบ เซบาสเตียน อยู่ เซบาสเตียนก็รักเมีย ส่วนโจเซฟก็รักคิดแมน รักสามสี่ห้าเส้าเต็มไปหมด)  


หลังจากนั้นก็เกิดแผ่นดินไหว เลสลี่เข้าไปอยู่ในมือรูวิคอีกครั้ง และเซบาสเตียนก็ต้องสู้กับ รูวิค ในฉากท้านเรื่องของภาคหลัก ส่วนคิดแมนถูกแยกออกมา อยู่ในสถานที่ที่คล้ายกับหน่วยงานของ Mobius และกำลังเจรจากับ บอสแห่ง Mobius 





          นายแห่ง Mobius บอกว่าคิดแมนทำงานล้มเหลว ผมติดอยู่กับคุณตลอดเวลา ซึ่งคิดแมนบอกว่านี่มันเป็นฝันร้าย ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องจริงแล้วแกก็ไม่มีอยู่จริง จากนั้น บอสกับคิดแมนก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด บอสสามารถแยกเป็นหลายร่างแล้วโจมตีคิดแมน และเนรมิตคิดแมนตัวปลอมเสื้อเปื้อนเลือด 2 ร่าง มาต่อสู้กับตัวจริงอีกด้วย พอสองตัวนั่นตาย บอสก็เอาอุ้งมือมารมาตามตบ คิดแมนอีกตามเคย





          พอหัวหน้า Mobius แพ้คิดแมน เขาก็ล้มลงและบอกว่าคิดแมนคิดว่าตัวเองชนะเหรอ คิดผิดแล้ว แกไม่รู้เรื่องอะไรเลยต่างหาก ฉันอยู่กับแกเสมอนั่นแหละ คิดแมนจึงบอกว่า คุณไม่รู้จักฉัน ฉันหน่ะแข็งแกร่งกว่าที่คุณคิดไว้เยอะ จากนั้นก็ยิงแสกหน้าผากหัวหน้า หน้าจอดำมืดอีกแล้ว




"คุณพร้อมที่จะทำตามคำสั่งไหม...คุณพร้อมที่จะรับผิดชอบในคำสั่งที่เราให้คุณทำหรือยัง" - เสียงบอส





          คิดแมนลืมตาและกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง เธอพบว่ากำลังอยู่ในห้องปฏิบัติการ STEM และพบว่าเลสลี่ตื่นขึ้นมา คิดแมนมองไปที่สูนย์กลางระบบ และไม่เห็นสมองของรูวิคแล้ว ทันใดนั้นเอง คิดแมนได้พบกับสุภาพสตรีท่านหนึ่ง ซึ่งบอกกับคิดแมนว่า พวกเราจะจัดการเขาต่อไปเองหลังจากนี้ไป 
คิดแมนถามว่าเธอเข้าไปอยู่ในระบบนานเท่าไหร่แล้ว เธอได้รับคำตอบว่า 37 นาที ที่มือของผู้หญิงคนนี้มีสัญลักษณ์ขององค์กร Mobius และทราบชื่อของเธอว่า ไมร่า (ภรรยาเซบาสเตียน!?) ไมร่าขอตัวและบอกว่า "เขา"(บอส?) อยากคุยกับคุณหลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้ว (ตอนนี้คิดแมนสับสนและ งง สุดติ่ง)



          คิดแมนเข้าไปหา เซบาสเตียน และสลับไปมอง ไมร่า (แอบเห็นโจเซฟโดนหิ้วปีกด้วย) คิดแมนเข้าไปที่หน้าจอของ เซบ เธอเจ็บมือ และเธอก็พบว่ามือของเธอถูกสลักโดยสัญลักษณ์ของ Mobius แล้ว





          คิดแมนบอกว่า พวกเขาพูดถูกว่าเธอทำพลาด แต่พวกเขาไม่ได้นับรวมเซบาสเตียนไปด้วย และขอต้อนรับเซบ กลับสู่โลกของความเป็นจริง ฉันเป็นหนี้คุณ และฉันหวังว่าคุณจะได้พบกับสิ่งที่คุณรอคอย (ไมร่า) 

          จากนั้นหน้าจอก็มืด พร้อมกับมีเสียงผู้หญิง(ไมร่า?) บอกให้ปล่อยคนนี้(หมายถึงคิดแมน) และอีกสองคนนั้นด้วย (หมายถึงเซบาสเตียน และโจเซฟ) พวกเขาไปไหนไม่ได้หรอก

...ไม่มีใครไปไหนได้อยู่แล้วหล่ะ (เสียงบอสของ Mobius)... บอสแห่งองค์กร Mobius ยังไม่ตาย

          จากเนื้อเรื่องทั้งภาคหลักและ DLC นี่มันเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง คิดแมนเป็นแค่หมากเล็กๆ ใน Mobius เป็นแค่คนที่องกรค์ไม่คาดหวัง เป็นการทดสอบการออกจากระบบ STEM เท่านั้น ส่วน ไมร่า อาจจะเข้ามาแฝงตัวในองกรค์นี้หลังหายสาบสูญไปนาน  เรื่องการตายของลูกของเซบและไมร่า อาจมีจุดเชื่อมโยงกันกับ Mobius และต่อจากนี้ Mobius ได้ตัวของเลสลี่ไปแล้วด้วย หรือตัวละครทั้งหมดยังติดอยู่ใน STEM ที่คราวนี้รูวิคไม่ได้ออกแบบ แต่เป็นทาง Mobius เป็นผู้ออกแบบและควบคุมอยู่ก็เป็นไปได้ 

          ต่อไปพบกันใน The Evil Within DLC  : Executioner ซึ่งจะได้รับบทผู้ร้ายหัวตู้เซฟ หรือ The Keeper ของเรานั่นเอง






วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558

สปอย The Evil Within: The Assignment


          DLC ภาคนี้ตัวหลักคือ คิดแมน เธอทำงานเป็นสายลับอยู่ที่องค์กรที่ชื่อว่า Mobius (โมเบียส) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงพยาบาลบีคอนในภาคหลัก คิดแมนถูกส่งตัวไปสอดแนมภายในกรมตำรวจโดยเป็นนักสืบฝึกหัด คิดแมนคอยสังเกต สอดส่องพฤติกรรมของ เซบาสเตียนและโจเซฟ และรู้มาก่อนแล้วว่าทางโมเบียสจะลากพวกเขาเข้ามาร่วมในโปรแกรม STEM โดยจะทำการแจ้งเหตุการฆาตกรรมที่โรงพยาบาลบีคอนเพื่อล่อให้นักสืบทั้งคู่ออกมากับคิดแมน (หมายเหตุ : การเซฟเกมของคิดแมนจะต้องนั่งโซฟาแดงและมีแมวผูกโบว์สีแดงมานั่งที่ตัก น่ารักฟรุ้งฟริ้งมาก)


          ชายผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าองค์กรโบเบียส เล่าให้คิดแมนฟังเกี่ยวกับโครงการ STEM เป็นการคิดค้นของ รูเบน(รูวิค) ผู้ซึ่งควบคุมโลกของ STEM ได้และเขาก็ติดอยู่ข้างใน STEM คิดแมนได้รับมอบหมายภารกิจให้นำชายหนุ่มที่เป็นคนไข้ของโรงพยาบาลบีคอน(เลสลี) ออกมากับเธอให้ได้ หัวหน้าทำการทดสอบคิดแมนโดยการให้เธอสาบาน คิดแมนสาบานว่าจะรับใช้และจงรักภักดีกับโมเบียส หัวหน้าองค์กรให้เจ้าหน้าที่ฉีดสารบางอย่าง(น้ำเขียวๆเดาว่าน่าจะเป็นกรีนเจล) ให้กับคิดแมนเพื่อเป็นการป้องกันผลบางอย่างที่สืบเนื่องจากการเข้าไปอยู่ภายใน STEM (คิดแมนไม่ปวดหัว ในขณะรูวิคทำให้เซบาสเตียนและโจเซฟ ปวดหัวจนแทบทนไม่ได้) เนื้อเรื่องดำเนินไปตาม Time line เดียวกับเนื้อเรื่องภาคหลักและเรารู้ด้วยว่าทางโมเบียสก็สามารถควบคุมโลกใน STEM ได้เช่นเดียวกัน


          หลายครั้งที่คิดแมนเห็นโจเซฟและเซบาสเตียนแต่ก็คราดกัน โดยครั้งหลังเขาทั้งสองเริ่มถูกครอบงำจนกลายเป็นปีศาจ เธอต้องจัดการโจเซฟที่ถูกรูวิคครอบงำโดยการจามขวานไปที่ตัวของโจเซฟแล้วหนีไป

          คิดแมนต้องคอยหลบซ่อน หลีกหนีศัตรู น้อยครั้งมากที่จะได้เผชิญหน้ากัน โลกของโลกใน STEM ได้ย้อนไปยังสถานที่ร้างที่เคยเป็นหมู่บ้านของคิดแมน เธอมีภูมิหลังทางครอบครัวที่ไม่ค่อยดีพ่อ-แม่ไม่สนใจและมักทอดทิ้งเธอเสมอ ทำให้เหงา ไร้ค่าและรู้สึกเหมือนถูกทำโทษตลอดเวลา คิดแมนจึงหนีออกจากบ้านและคนในครอบครัวก็ไม่สนใจเรื่องที่เธอหนีไปด้วยซ้ำ เธอกลับมาอีกครั้งหลังจากที่หนีไป 2 ปีแต่ก็ไม่พบใครแล้ว ระหว่างที่คิดแมนหาทางหนีเอาตัวรอดจากโลกจำลองหมู่บ้านเก่าของเธอ และเธอก็พบตัวเลสลีที่นั่น คิดแมนบอกว่าเลสลี่ปลอดภัยแล้วและคิดแมนจะพาเลสลี่ออกไป


          ทางหัวหน้าองค์กรโมเบียสเตือนเธอว่า รูวิครู้แล้วว่าคิดแมนเข้ามาสอดแนมและลักพาตัวเลสลีออกไป รูวิคเข้าสิงร่างเลสลี ทำให้คิดแมนรู้ว่ารูวิคมีแผนที่จะออกไปจาก STEM โดยผ่านการเชื่อมโยงสมองของร่างเลสลี จึงทำให้คิดแมนเริ่มถอยห่างจากภารกิจ เพราะโลกจะมีอันตรายแน่หากปล่อยให้รูวิคออกมาจาก STEM เธอจึงยิงเลสลี แต่เลสลีก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา หัวหน้าองค์กรโมเบียสคอยจับตามองคิดแมนอยู่ตลอดเวลารู้แล้วว่าคิดแมนทรยศ จึงไล่ล่าเธอและบอกให้เธอกลับมาสานต่อภารกิจ
คิดแมนหนีออกมาพบกับแสงสว่างที่โรงพยาบาลบีคอน เธอจะต้องรีบไปถึงก่อนเซบาสเตียนและโจเซฟให้จงได้ คิดแมนจะวางแผนทำอะไรกันแน่

โปรดติดตาม DLC ภาคต่อไป The evil within : The Consequence



วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558

สปอยเนื้อเรื่อง Beyond two souls(Part 1)


         เกมที่ออกแบบให้เล่นและเหมือนกับเรากำลังชมภาพยนต์ไปพร้อมๆกัน เป็นเกมที่ภาพสวยมาก สามารถเลือกเหตุการณ์ซึ่งเปลี่ยนแปลงได้หลากหลาย ภายในเกมมีการตัดฉากสลับไปมาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอก พร้อมๆกับเฉลยปมไปด้วยกัน บอกเล่าเรื่องราวของหญิงสาวผู้มาพร้อมกับเรื่องราวความผูกพันธ์กับวิญญาณดวงหนึ่งอย่างเหลือเชื่อ วิญญาณนั้นเป็นใคร ทำไมโจดี้ถึงถูกตามล่า แล้วบทสรุปของเรื่องราวจะเป็นอย่างไร อ่านได้จากเนื้อเรื่องที่แบ่งออกเป็นหลาย Part ได้เลย


          เริ่มเรื่องนางเอกของเรา "โจดี้" ได้บอกว่าตัวเธอนั้นมีพลังอำนาจวิเศษที่มนุษย์ทั่วไปไม่อาจทำได้ แต่เธอไม่ภูมิใจกับมันนักหรอกและเธอจะต้องรวบรวมและเรียบเรียงความทรงจำต่างๆ มากมายของเธอเองให้ได้ 

          ณ โรงพักแห่งหนึ่ง นายตำรวจท่าทางใจดีกำลังสอบสวนและตั้งคำถามโจดี้ว่า ผมเจอคุณที่ข้างถนน มีเกิดอะไรขึ้นกับคุณเหรอ มีใครทำร้ายคุณหรือเปล่า คุณมีคนรู้จักไหม มีเพื่อนบ้างไหม ใครก็ได้ที่รู้จักคุณ ทำไมคุณไม่พูดอะไรเลย แล้วผมจะช่วยคุณได้ยังไง โจดี้ไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด 


          จากนั้นนายตำรวจก็สังเกตเห็นรอยแผลเป็นบนหัวของโจดี้ เขากำลังจะแตะรอยแผลนั้นแต่ปรากฎว่าอยู่ๆแก้วกาแฟก็ปลิวไปชนกับฝาผนังน้ำกระจาย สักอึดใจหนึ่งก็มีหน่วย SWAT นับสิบชีวิตบุกเข้ามาในโรงพัก แต่โจดี้หายตัวไปแล้ว ส่วนนายตำรวจก็ถูกสั่งให้ไปเปิดประตูหลังโรงพักเพื่อค้นหาโจดี้



           ตัดฉากที่ดอกเตอร์คนหนึ่งกำลังเดินทางมายังที่เกิดเหตุ เขาเตือนว่าอย่าใช้ความรุงแรงกับผู้หญิงคนนั้นแต่ดูเหมือนว่าหน่วย SWAT จะไม่สนใจคำเตือน และเมื่อดอกเตอร์มาถึง ก็พบว่าทุกอย่างถูกทำลายราบคาบ หน่วย SWAT ตายเรียบ เหลือแค่นายตำรวจคนที่ช่วยโจดี้ไว้อยู่คนเดียวโดยที่ไม่เป็นอะไรเลย ดอกเตอร์ดูท่าทางตกใจมากเพราะเขาได้เตือนหน่วย SWAT ไปแล้วว่าอย่าให้หยุดการโจมตีโจดี้ แต่ไม่ทันเสียแล้ว


Experiment - การทดลอง

         หนูน้อยโจดี้ในอายุประมาณ 6-8 ขวบ อยู่ในห้องนอนที่ดูเหมือนจะมีการควบคุมอย่างเข้างวด มีกล้องวงจรปิด มีผู้ดุแลแทบจะตลอดเวลายกเว้นตอนเข้าห้องน้ำ ดอกเตอร์โคลหรือพี่ดำกำลังพาโจดี้ออกมานอกห้องพักเพื่อทำการทดสอบเกี่ยวกับความสามารถพิเศษของเธอ 



          โจดี้สามารถเห็นสิ่งที่วิญญาณตนหนึ่งเห็นได้ ยังคุยกับวิญญาณตนนี้ได้ด้วย วิญญาณนี้ถูกผูกติดกับโจดี้ตั้งแต่จำความได้ เขาคือไอเดน ซึ่งเป็นวิญญาณเพศชาย โจดี้เริ่มทำการทดสอบการอ่านไพ่ของอาสาสมัครจากอีกฟากของห้องทดลอง ทำให้ข้าวของเครื่องใช้เคลื่อนไหว ย้ายที่ได้ ในมุมมองของไอเดนจะเห็นแสงสีฟ้ารอบๆตัวของคนทั่วไป รอบนอกของวงกล้องค่อนข้างมัวๆ ส่วนโจดี้จะมองเห็นทุกอย่างที่ไอเดนเห็น และเธอจะเห็นไอเดนเป็นวิญญาณลำแสงสีม่วง





          การทดลองเรื่องไพ่ผ่านไป ดอกเตอร์นาธานขอให้ทดลองให้โจดี้ใช้ไอเดนเคลื่อนย้ายสิ่งของ จนกระทั่งทุกอย่างทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โจดี้ควบคุมไอเดนไม่ได้ เพราะไอเดนก้าวร้าวและทำลายข้าวของ รวมทั้งเริ่มทำร้ายอาสาสมัคร (คนที่ไอเดนทำร้ายหรือควบคุมได้จะมีแสงรอบนอกตัวเป็นสีแดง) ทุกอย่างในห้องทดลองพังพินาศ ประตูเปิดเข้าไปไม่ได้ จนกระทั่งทุกอย่างสงบลงเพราะโจดี้บังคับให้ไอเดนหยุดการกระทำอันก้าวร้าว 





          ขณะเดียวกันที่โจดี้เลือดกำเดาไหลเนื่องจากใช้พลังมากเกินไป ดอกเตอร์นาธานพังประตูเข้ามาในห้องทดลองได้และกอดปลอบใจโจดี้ที่กำลังร้องไห้ นาธานบอกเธอว่ามันจบลงแล้ว แต่ขณะที่โจดี้บอกนาธานว่า มันจะไม่มีวันจบหรอก

The Embassy - ผู้ไปเยือน



          ณ ห้องจัดงานเลี้ยงที่หรูหรา มีการจัดงานการทูตระหว่างอเมริกาและประเทศชาติอาหรับ โจดี้ดูตื่นคนเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังควงแขนไรอัน(ผู้บังคับบัญชา) ไรอันบอกให้โจดี้ตีเนียนเข้าไปภายงานโดยทำตัวเหมือนกับเลขาฯ ของเขาโดยใช้ชื่อปลอมๆ 


         
          ภารกิจนี้มอบหมายให้โจดี้เป็นคนไปขโมยข้อมูลสำคัญของอาหมัดทูตอาหรับผู้เป็นเจ้าของงานเลี้ยงนั่นเอง อาหมัดเข้ามาทักทายไรอัน และชมความสวยของผู้หญิงอเมริกัน(โจดี้) ความจริงแล้วอาหมัดเกลียดไรอันมากๆ (ไรอันบอกกับโจดี้)



          โจดี้ตีเนียนเข้าห้องน้ำหญิงและใช้ให้ไอเดนไปดูข้อมูลในเซฟ โจดี้เริ่มรู้สึกแย่ หากไอเดนไปไกลจากโจดี้เกินไป ไอเดนสามารถฆ่าทหารหน้าห้องได้(แสงรอบตัวต้องเป็นสีแดง) หรือถ้าเราไม่ฆ่าก็สามารถเบี่ยงเบนความสนใจของ ทหารที่ทำหน้าที่ดูกล้องวงจรปิดได้โดยการปัดแก้วกาแฟให้หก และปรับปุ่มพอสทำให้ภาพในกล้องวงจรปิดค้างไว้ ไอเดนหาปุ่มลับและปลดเซฟที่ต้องสแกนลายมือได้ด้วย จนในที่สุดก็ล้วงความลับจากฝ่ายตรงข้ามมาได้สำเร็จโดยที่โจดี้ทำการคัดลอกข้อมูลที่ไอเดนเห็นผ่านทางสมุดบันทึกที่พกมาในกระเป๋าถือ



          ซึ่งภายหลังทหารรักษาความปลอดภัยของงานได้สังเกตว่าโจดี้เข้าไปในห้องน้ำนานเกินไปจึงจะเข้ามายังห้องน้ำหญิง ในขณะที่มีสาวชาวอาหรับเข้ามาขัดขวางไว้และอาสาเข้ามาดูเอง สาวอาหรับคนนี้เป็นสายลับของอเมริกาซึ่งอยู่ฝ่ายเดียวกับโจดี้ เธอเข้ามาเอาข้อมูลที่ล้วงได้กลับไป แต่อาการของโจดี้ก็แย่พอสมควรที่เดียว เพราะใช้พลังมากเกินไปถึงกับทรงตัวแทบไม่อยู่เลยทีเดียว โจดี้ไปพบไรอันและรีบพากันเผ่นแนบออกจากงานแบบเนียนๆ


The party - ปาร์ตี้วันเกิด



          โจดี้อยู่ในรถกับนาธาน เธอเป็นคนขอร้องนาธานเรื่องขอมางานปาร์ตี้วันเกิดลูกสาวของเพื่อนร่วมงานที่ทำงานอยู่ด้วยกัน แต่อยู่ๆโจดี้ก็เสียความมั่นใจเพราะไม่รู้จักใครเลย และกลัวคนอื่นไม่ชอบเธอ นาธานเกลี้ยกล่อมให้โจดี้มีความมั่นใจมากขึ้นและไม่ต้องกังวลไป เขามอบของขวัญให้โจดี้นำไปมอบกับเจ้าของงานวันเกิดเป็นหนังสือหายากอายุกว่า 15 ปี พร้อมบอกว่าโจดี้จะได้เพื่อนใหม่และ ทุกคนจะต้องชอบโจดี้แน่นอน






โจดี้ได้พบคริสเท่น เด็กสาวท่าทางแก่แดด(เสื้อเหลือง) เธอแนะนำให้ทุกคนในงานรู้จักโจดี้ว่าทำงานที่หน่วยที่สี่ของดีพีเอ ทุกคนเลยถามว่าทำไมโจดี้ถึงไปทำงานในที่ๆเกี่ยวกับงานวิจัยสิ่งลี้ลับ แต่ถูกขัดจังหวะ งานดำเนินไปอย่างน่าเบื่อหน่าย มีเบียร์ บุหรี่ เต้นรำ ทุกคนก็ดูราวกับไม่เป็นมิตร อาจเป็นเพราะโจดี้ดูเฉิ่ม ไม่ทันสมัย โจดี้ออกไปข้างนอกสักพักจึงเข้ามาร่วมงานต่อ 


จากนั้นก็มีเด็กหนุ่มชื่แแม็คเข้ามาคุยกับโจดี้อย่างเป็นมิตร และชวนเธอเต้นรำ แม็คทำท่าทางจีบโจดี้ และโน้มตัวเข้ามาจูบเธอ แต่โจดี้ไม่เล่นด้วยและบอกว่าเต้นรำอย่างเดียวนะ



          ทุกคนก็ขอให้โจดี้แสดงความสามารถที่พิสูจน์ไม่ได้ของโจดี้ ซึ่งเธอก็แสดงให้ดูจนทุกคนเริ่มกลัวนิดๆ จนถึงเวลาเปิดของขวัญวันเกิด คริสเท่นไม่พอใจในของขวัญของโจดี้มากๆเพราะเห็นว่าเป็นหนังสือเน่าๆเล่มนึงที่เป็นการดูถูกคริสเท่นโดยการเอาขยะมาให้ 



          จากนั้นทุกคนในงานเริ่มโจมตีโจดี้และบอกเธอว่า จริงๆแล้วไม่อยากเชิญโจดี้มาร่วมงานวันเกิดแต่แม่ของคริสเท่นขอร้อง และแม็คก็ใส่ความโจดี้ว่าเธอมาตามเกาะเขาเหมือนอีตัว เป็นนางแม่มดต้องเผามัน จากนั้นก็เอาบุหรี่จี้โจดี้และอุ้มโจดี้ไปขังไว้ที่ห้องใต้บันได



โจดี้ร้องไห้ ผิดหวังในการมางานครั้งนี้อย่างมากและขอให้ไอเดนช่วยล้างแค้นให้ และไอเดนก็ทำลายข้าวของ ทำร้ายเด็กวัยรุ่นทุกคนที่ทำร้ายโจดี้ จนเหตุการณ์บานปลายไอเดนไม่ยอมหยุดเนื่องจากแค้นเคืองพวกที่กลั่นแกล้งโจดี้ ในขณะที่โจดี้บอกให้ไอเดนพอได้แล้ว




          ดอกเตอร์นาธานกลับมารับโจดี้ที่กำลังร้องไห้ เด็กๆในงานกรูกันออกมาจากนอกบ้านหนีเอาตัวรอด พร้อมตะโกนด่าว่าโจดี้ว่าเป็นแม่มด ปีศาจร้าย นาธานเศร้าใจมากที่พาโจดี้มาเจอกับเรื่องแบบนี้และพาโจดี้กลับขึ้นรถไป